เล่าสู่กันฟัง .. เรื่องโรงเรียนจินดาพงศ์
|
โรงเรียนจินดาพงศ์ มุ่งสร้างพื้นฐานทางการศึกษาและปลูกฝังคุณธรรม-จริยธรรม ตั้งแต่วัยเยาว์ โดยจัดกระบวนการเรียนการสอนให้นักเรียนได้รับความเข้าใจในวิชาทุกกลุ่มประสบการณ์ได้เต็มศักยภาพ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมโดยใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารในด้านต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข มีความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
โรงเรียนจินดาพงศ์มีพื้นที่ทั้งหมด 10 ไร่ เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล1 ถึง ป.6 ปีการศึกษา 2546 มีนักเรียนทั้งหมดรวม 1,100 คน โรงเรียนจินดาพงศ์ได้รับรางวัลหน้าบ้านหน้ามอง รางวัลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมต่างๆมากมาย ห้องเรียนต่างๆจะติดแอร์ มีสนามกีฬา สระว่ายน้ำที่แยกระหว่างสระอนุบาล กับประถม แต่ ไม่มีสนามฟุตบอล
วิสัยทัศน์โรงเรียน
โรงเรียนมุ่งผลิตนักเรียนทุกคนให้ได้รับความรู้ในด้านวิชาการทุกกลุ่มประสบการณ์เต็มตามศักยภาพมีวินัย ใฝ่คุณธรรม รักความสะอาด สามารถใช้เครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นผู้นำ โรงเรียนร่มรื่นมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ บุคลากรอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มุ่งอบรมสั่งสอนเด็กให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
จุดมุ่งหมายในการพัฒนาเด็กของโรงเรียน
ระดับอนุบาล มุ่งเตรียมความพร้อมของเด็ก ให้สามารถศึกษาต่อในขั้นสูงได้ กล้าแสดงออกในทางที่สร้างสรรค์
ระดับประถม ส่งเสริมทางด้านวิชาการ คุณธรรม จริยธรรม ระเบียบวินัยและความคิดสร้างสรรค์
เป้าหมายของโรงเรียนในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
แนวโน้มเราอาจจะเปิดสอนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมีโครงการโรงเรียนนานาชาติด้วยครับ
เวลาในการเรียนของโรงเรียน
เข้าแถว 7.40 น. พร้อมกันทั้งระดับอนุบาลและประถม เริ่มเรียนคาบแรก 8.20 น. เรียนเป็นคาบ คาบละ 50 นาที เด็กอนุบาลจะทำกิจกรรมต่างๆตามกำหนด การพักกลางวันเด็กอนุบาลจะได้พักก่อน ระดับประถมจะพักทีหลัง เรียนวันละ 7 คาบ อนุบาล จะเลิก 15.15 น. ประถมจะเลิก 15.30 น.
เวลาพักกลางวันเด็กรับประทานอาหารที่ไหน
ที่โรงอาหารหมดครับ เด็กอนุบาลจะพักก่อน เวลา 10.45 น. ประถมจะพัก 11.45 น.
ตอนนี้การเรียนการสอนของโรงเรียนปรับเป็นหลักสูตรใหม่รึยัง
หลักสูตรยังปนกันอยู่นะ ป.1 กับ ป.4 จะเป็นหลักสูตรใหม่ แต่ชั้น ป.2 ป.3 ป.5 ป.6 ตอนนี้จะยังเป็นหลักสูตรเก่าอยู่ ก็ต้องวัดผลตามกฎของกระทรวงนะ อนุบาลก็กำลังปรับหลักสูตรใหม่ครับ
ปรับหลักสูตรใหม่ครูผู้สอนและนักเรียนมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเรียนการสอนบ้างมั๊ย
คือช่วงแรกนะครับ ผมคิดว่าหลักสูตรเก่ามันก็เหมือนหลักสูตรใหม่แต่ต้องปรับพฤติกรรมบางตัว ครูก็ต้องอบรมพอสมควร ครูที่นี่ส่วนใหญ่มีความพร้อมพอสมควรเพราะเราฝึกความพร้อมไว้อย่างดี ตอนนี้เป็นหลักสูตรใหม่มันต้องเอาหลักสูตรการศึกษาท้องถิ่นเข้ามาปนด้วยนิดหน่อย ก็กำลังปรับอยู่ ตอนนี้ก็ทำเสร็จแล้ว
เอกสารประกอบการเรียน
ตามหลักแล้วหลักสูตรใหม่นี่ไม่มีหนังสือเรียน หลักสูตรนี่เราทำเอง ครูทำสื่อเอง ทำเอกสารประกอบการสอนเอง ครูประถมนี่ใครสอนวิชาไหนก็ผลิตตำราเอง เอกสารประกอบเอง และมีการตรวจสอบตำราที่เขียนด้วย ทางโรงเรียนมีโครงการ Ocop 1 classroom 1 project คือ 1 ห้องเรียน 1 โครงการเด็ก ครูผู้สอนต้องมีโครงการ 1 โครงการเด่น 1 เทอมต้องมี 1 โครงการ ให้ออกมาเป็นรูปธรรม เพื่อฝึกครูฝึกเด็ก
ทางโรงเรียนยังมีโครงการรักการอ่านสำหรับครู 1 เดือนครูต้องอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม และให้ย่อเรื่องสั้น แล้วสรุปข้อคิดที่ได้จากการทำ เด็กเองก็ต้องอ่านเช่นกัน เพื่อฝึกให้เด็กรักการอ่าน โดยไม่เน้นว่าต้องเป็นหนังสือวิชาการ
แล้วตอนนี้เด็กประถมนี่มีหนังสือเรียนหรือไม่
ก็มีส่วนหนึ่ง ป.2 ป.3 ก็ใช้ปกติ โรงเรียนเขียนบ้าง ป.1 ก็มีบางส่วนที่ใช้ บางส่วนก็ทำเอง ตามหลักการไม่ใช้หนังสือไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าหลักสูตรยังไม่นิ่งเลย ส่วนหนึ่งถ้าตรงกับหลักสูตรที่เราทำ เราก็คัดมาบางส่วนได้ หรือบางเรื่องทางกระทรวงก็ทำหนังสืออยู่แล้ว ของศึกษาภัณฑ์ ของโรงพิมพ์ ที่ต้องผ่านใบอนุญาตอยู่แล้ว บางส่วนก็เอามาเลย แต่ไม่ได้เอาทั้งหมด บางเรื่องที่ตรง บางเรื่องก็คัดของเราผสมด้วย
และก็มีหนังสือที่ทางโรงเรียนทำขึ้นเองเป็นชีท เป็นตอน เพราะเราต้องพัฒนาศักยภาพผู้เรียน ผู้เรียนต้องเรียนตรงตามศักยภาพ หมายความว่าคนเก่งต้องเรียนมาก คนอ่อนก็เรียนน้อยหน่อย หลักสูตรนี่ให้เรียนเท่ากัน คนเก่งก็ให้ชีทเพิ่ม คนอ่อนก็ต้องสอนเพิ่ม
เกณฑ์การวัดผล
เรามีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน พัฒนาเด็กเรื่อยๆ และยังมีคัดเด็กที่มีแววความสามารถพิเศษของเด็ก แล้วค่อยๆเสริมให้เด็ก
การจัดห้องเรียน
ถ้าเป็นอนุบาลก็ห้องละ 30 คน ประถมก็ประมาณ 35 40 คน
มีอาจารย์ประจำชั้นกี่คน
อนุบาล ห้องละ 2 คน เป็นอย่างต่ำ ถ้าประถมห้องละ 1 คน แต่ว่ามีครูเวียนเข้ามาเยอะ
ระเบียบข้อบังคับต่างๆของโรงเรียน
ก็ทั่วไปครับ เราไม่อยากให้เด็กอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบตั้งแต่เริ่มต้น
การคัดเลือกครูผู้สอนของที่นี่เป็นอย่างไร
คัดมาก ประการที่หนึ่งเราจะดูบุคลิกลักษณะก่อนว่าเหมาะกับเป็นครูหรือไม่ ประการที่สองคือดูลักษณะการพูดจา ยิ้มแย้มแจ่มใส ประการสุดท้ายก็ดูความสามารถ ประสบการณ์การทำงานต่างๆ ให้ทดลองสอนให้ดูก่อนว่าผ่านหรือไม่ เมื่อรับเข้าทำงานแล้วยังไม่ได้ให้ทำการสอนเลย ต้องรอก่อน 1-2 ปี เพื่อฝึกงานทำแผนการสอน ทำสื่อการสอน และมีครูพี่เลี้ยงคอยดูแล
ครูที่นี่สอนเป็นรายวิชาหรือว่าสอนเป็นระดับชั้น
ครูประจำชั้น ถ้าเป็นระดับประถมต้นนี่จะสอนวิชาหลัก คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ส่วนวิชาอื่นๆก็ให้อาจารย์พิเศษสอน แต่ถ้าเป็น ป.5, ป.6 ในวิชาหลักก็ให้ครูแต่ละคนสอนเป็นรายวิชาเลย ครูคณิตศาสตร์ก็สอนคณิตศาสตร์ ครูภาษาไทยก็สอนภาษาไทยเลย สอนคนละวิชา อย่างมากก็2วิชา วิชาย่อยก็เช่น หน้าที่พลเมือง ศีลธรรม
แล้วระดับอนุบาลนี่ก็จะอยู่ส่วนของเขาโดยเฉพาะเลยใช่หรือไม่
ใช่ครับ ก็จะอยู่กับครูของเขาตลอด ทำกิจกรรมของเขาตามตารางที่กำหนด ระดับอนุบาล 3 ก็ได้เรียนคอมพิวเตอร์แล้ว ส่วนในระดับประถมนี่บังคับเรียนเลย
มีการสอนปรับพื้นฐานให้เด็ก
มีครับ มีทุกชั้น โดยเฉพาะ ป.1 ต้องปรับมาก เพราะเด็กมาจากหลายพื้นที่ ต้องปรับความพร้อมให้เด็ก เราจะปรับ 2 ช่วง ช่วงเดือนเมษายน ปรับ 1 เดือนเด็กที่มาใหม่ ไม่พร้อมก็จะมาปรับ และก็ช่วงเปิดเทอม เด็กบางคนที่มาใกล้เปิดเทอม จะมีครูคนหนึ่งที่รักเด็ก ใจเย็น เราจะส่งเด็กพวกนี้เข้าอยู่ห้องนี้ เด็กที่เตรียมมาแล้วก็จะอยู่อีกห้อง จะมีการปรับพื้นฐานไปเรื่อยๆ โดยดูจากการทดสอบก่อนเรียน
การรับเด็กเข้าระดับอนุบาล ต้องมีการสอบหรือเปล่า
ก็มีการคุยกับพ่อ-แม่เด็ก ว่าเด็กมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเด็กอายุถึง คือ 3 ขวบ ก็เข้าตามเกณฑ์เลย ไม่มีปัญหา แต่ก็เด็กบางคนที่อายุก้ำกึ่ง อาจจะขาดไป 3 วัน 5 วัน คือเราคิด 16 พฤษภาคม เป็นหลัก ตรงนี้เราก็จะดูความพร้อมของเด็ก
การรับเด็กประถม จะรับเด็กเก่าก่อนหรือเปล่า
ปกติเด็กเก่าเราต้องรับอยู่แล้ว รับก่อน ที่เหลือก็รับเด็กที่อื่น คือเราให้สิทธิเด็กเก่าก่อน
เด็กเก่าต้องสอบเข้าไหม
ปกตินี่ก็สอบนะครับ ก็มีการสอบเพื่อที่คัดชั้น แล้วก็ดูความเอาใจใส่ของผู้ปกครอง เพราะหลักสูตรใหม่ผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมด้วย ตั้งแต่ป.1 เราก็จัดห้องเรียนเกรดอยู่แล้ว ระดับอนุบาลก็ดูตามอายุ ดูตามความพร้อมของเด็กไว้ก่อนครับ
แล้วการจัดห้องเรียนนี่คงที่รึเปล่า เด็กเก่งก็ได้อยู่ห้องเดิมตลอดรึเปล่า
เราเคยทำมาทั้ง 2 แบบนะทั้งแบบคัดเกรดและคละกัน ก็มีปัญหา ส่วนดีก็คือเด็กเก่งก็เก่งตลอด แต่ห้องเก่งบางครั้งก็เห็นแก่ตัวนะ สุดท้ายเราก็จัดคละกัน แล้วดูแล้วปัญหาไม่ค่อยมี
มีการสอนพิเศษมั๊ย
มีครับ คือหลังเลิกเรียน หลังจาก 15.30 น. ไปแล้ว ทางโรงเรียนจัดขึ้นเองครับ เรียนพิเศษก็จะเลิก 16.30 น. แล้วก็มีการสอนพิเศษวันเสาร์ครึ่งวัน แล้วแต่ความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ก็มีคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ การสอนพิเศษก็จะมีการติดตามผลด้วย
สอนพิเศษนี่คือระดับประถมใช่มั๊ย
ครับ อนุบาลก็มีฝาก แล้วแต่ความสมัครใจของพ่อ-แม่ เราเก็บ 300 บาทต่อเดือน ถือว่าถูกมากครับ
ค่าใช้จ่ายต่างๆของโรงเรียน เช่นค่าเทอม
ก็เก็บตามกระทรวงครับ จะมีเพิ่มเติมก็ค่าอาหาร ค่าคอมพิวเตอร์ ค่าประกันอุบัติเหตุ 150 บาท
สวัสดิการต่างๆของโรงเรียน
มีรถรับส่งนักเรียนทั้งหมด 35 คัน เป็นรถของโรงเรียนเอง 8 คัน ที่เหลือเป็นรถผู้ปกครอง คนละไม่เกิน 2 คัน รถรับส่งนักเรียนจะมีครูคอยควบคุมไปกับรถรับส่งด้วย
ผู้ปกครองสามารถนำรถเข้าส่งเด็กในโรงเรียนได้ไหม
ได้ครับ ทางโรงเรียนมีที่จอดรถด้านหลังโรงเรียนครับ
ทุนการศึกษา
มีทุนบุตรครู บุตรคนงาน ทุนเรียนดี ให้เด็กโดยตรง ทุนสำหรับเด็กยากจน ให้เป็นค่าธรรมเนียมการเรียน
ระยะเวลาการรับสมัคร
เดือนมกราคม เราเปิดให้จอง ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม มอบตัวเด็ก การสอบเข้าก็จะดูพื้นฐานของเด็ก รับเด็กปีละประมาณ 300 คน
หลักการทำงานของอาจารย์
เรามีการวางกฎเกณฑ์ที่แน่นอนก่อน แล้ววิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน เพื่อวางยุทธศาสตร์ในการบริหาร และทำการวิเคราะห์ตลอด ดำเนินการเป็นขั้นตอนแบบ PDCA ครูทุกคนจะต้องรู้หน้าที่ของตน ผมทำงานเป็นระบบ มีการวางกฎเกณฑ์ในการทำงานที่ง่ายต่อการปฏิบัติ และให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน มีคณะตรวจสอบการทำงาน ให้ความสำคัญกับเด็กที่สุด เด็กต้องมีประสิทธิภาพ
โรงเรียนจินดาพงษ์มีโรงเรียนในเครือดังนี้
1.โรงเรียนจินดาพงษ์ ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิท77 ซอยอ่อนนุช30 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม โทร. 331-4332, 331-4333
2.โรงเรียนจินดาศึกษา โทร.02-4150558 , 02-4153040
3.โรงเรียนอนุบาลจินดาวิทย์ โทร.02-3912976, 02-3910729
4.โรงเรียนอนุบาลจินดาพร โทร.02-3374989, 02-3374990
5.โรงเรียนอนุบาลจินดารัตน์ โทร.02-3214924, 02-3222736
โรงเรียนจินดาพงศ์
7/105 ซอยอ่อนนุช 30 ถนนสุขุมวิท 77
เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
โทร. 02-331-4332-3
Fax. 02-742-0278
web : jindapong.ac.th
facebook : โรงเรียนจินดาพงศ์
|